อีเมล์ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
ตราสัญลักษณ์
สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน
1. ภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นที่ราบลุ่ม ตั้งอยู่ระหว่างทะเลกับภูเขา โดยมีพื้นที่ติดกับทะเล ใช้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ พื้นที่เนินเขา ใช้ทำการเกษตร พื้นที่ราบใช้เป็นที่อยู่อาศัย
2. ด้านกายภาพ
1.1 ที่ตั้งของหมู่บ้านหรือชุมชนหรือตำบล
ตำบลวิชิตเป็น 1 ใน 8 ตำบล ของอำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เดิมชื่อ "ตำบลระแงง" ได้รับการยกฐานะ เป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ตามพระราชบัญญัติ สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2538 และได้จัดตั้งเป็นเทศบาลตำบลวิชิต ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2550 สำนักงานเทศบาลตำบลวิชิต ตั้งอยู่ เลขที่ 54/1 หมู่ที่ 1 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ตประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดภูเก็ตประมาณ 5 กิโลเมตร

ทิศเหนือ ติดกับ เทศบาลตำบลรัษฎา, เทศบาลเมืองกะทู้
ทิศตะวันออก ติดกับ เทศบาลนครภูเก็ต
ทิศตะวันตก ติดกับ เทศบาลเมืองกะทู้
ทิศใต้ ติดกับ เทศบาลตำบลฉลอง, ทะเลอันดามัน
เทศบาลตำบลวิชิต
ในระหว่างปี พ.ศ. 2437 – 2441 พระยาทิพย์โกษา (โต) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตคนแรก ได้ดำเนินการปฏิรูปการปกครองในเมืองภูเก็ตและเมืองต่าง ๆ โดยเริ่มจัดที่เมืองภูเก็ตเป็นแห่งแรก เพราะเป็นที่ตั้งมณฑลผู้ว่าราชการเมืองภูเก็ต ผู้ที่ทำหน้าที่ในการแบ่งท้องที่เมืองภูเก็ตครั้งนั้น คือพระนริศราราชกิจ (สาย โชติกเสถียร) น้องชายพระยาทิพย์โกษา (โต) ซึ่งต่อมาภายหลังได้รับการเลื่อนยศเป็นพระยานริศราชกิจ (สาย) ข้าหลวงมณฑลเทศาภิบาลภูเก็ต

การจัดแบ่งท้องที่ปกครองของเมืองภูเก็ตครั้งนั้นได้แบ่งออกเป็น 3 อำเภอ เช่นเดียวกับปัจจุบัน คืออำเภอเมืองภูเก็ต มี 11 ตำบล คือ ตำบลบางเหนียวเหนือ บางเหนียวใต้ สามกอง สะปำ สั้นใน ตลาดใหญ่ ระแงง ตลาดเหนือ ฉลอง ราไวย์และอ่าวมะขาม อำเภอกะทู้มี 5 ตำบล คือ ตำบลกะทู้ ป่าตอง ทุ่งทอง กะรน และกำมรา(กมลา) อำเภอถลาง มี 10 ตำบล คือ ตำบลตะเคียน บ้านดอน บางเทา ลิพอน ท่ามะพร้าว ท่าเรือ ป่าคลอก บางโรง ไม้ขาว และสาคู

เดิมตัวเมืองภูเก็ตตั้งอยู่ที่ตำบลกระทู้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 มีฝรั่งชาวอเมริกันชื่อ นายอี ไบรอน มัวร์ ได้จ่ายเงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อย้ายที่ว่าการมณฑลจากที่ทำการเมืองเดิมนี้ ไปสร้างใหม่ในที่บ้านพระยาภูเก็ต (ลำดวน) ที่บ้านทุ่งคาซึ่งยึดมาชดใช้เงินหลวง ตัวเมืองภูเก็ตใหม่จึงย้ายไปตั้งอยู่นบริเวณที่เป็นอำเภอเมืองภูเก็ตปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2459 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองภูเก็ตเป็นจังหวัดภูเก็ต เปลี่ยนชื่ออำเภอเมืองภูเก็ต มาเรียกตามชื่อตำบลที่ตั้งอำเภอว่า อำเภอทุ่งค่าและเปลี่ยนแปลงชื่ออำเภอถลางเป็นอำเภอเมืองถลาง จนถึงปี พ.ศ. 2481 จึงได้เปลี่ยนชื่ออำเภอทุ่งค่าเป็นอำเภอเมืองภูเก็ตอีกครั้ง เปลี่ยนชื่ออำเภอเมืองถลางเป็นอำเภอถลางตามเดิม และยุบอำเภอกะทู้ลงเป็นกิ่งอำเภอ ขึ้นกับอำเภอเมืองภูเก็ต ครั้นถึงปี พ.ศ. 2502 จึงยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอกะทู้อีกครั้ง

ในปี พ.ศ. 2485 กระทรวงมหาดไทย ได้ยุบตำบลต่าง ๆ จาก 26 ตำบล ลงเหลือเพียง 17 ตำบลเท่านั้น คือ อำเภอเมืองภูเก็ต มี 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลตลาดใหญ่ ตลาดเหนือ เกาะแก้ว รัษฎา วิชิต ฉลอง ราไวย์และ กะรน อำเภอกระทู้ มี 3 ตำบล คือ ตำบลป่าตอง กะทู้ และกมลา อำเภอถลาง มี 6 ตำบล คือ ตำบลเทพกษัตรี ศรีสุนทร สาคู ไม้ขาว เชิงทะเล ป่าคลอก

" ตำบลวิชิต" เกิดจากการยุบรวมตำบลอ่าวมะขาม ( เว้นแต่หมู่ที่ 7 และ 8 ไปรวมกับตำบลฉลอง ) กับตำบลระแงง ( เว้นแต่หมู่ที่ 1 และ 2 บางส่วน ไปรวมกับตำบลตลาดเหนือ ) และจัดตั้งขึ้นเป็นตำบลใหม่เรียกว่า " ตำบลวิชิต" ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2485 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 60 ตอน 4 ( 5 มกราคม 2486 )

วิสัยทัศน์

"เป็นเลิศธรรมาภิบาล บริการฉับไว"

คำขวัญ

"วิชิตถิ่นกระโจมไฟ เกาะใหญ่ไม้ท่อน
ตะวันรอนแหลมพันวา เมืองท่าค้าขาย
หลากหลายวัฒนธรรม งามล้ำหอยมุก
โรงงานแร่ดีบุกเมืองไทย เกาะตะเภาใหญ่งามตา"

พันธกิจ

1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน
2. ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3. พัฒนาด้านการศึกษาให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน
4. พัฒนาการเมืองและการบริหารให้มีประสิทธิภาพ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาค ฝ่าย
5. พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงสภาพและปลอดมลพิษ
6. พัฒนาด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการประกอบอาชีพของประชาชนให้มีคุณภาพ
7. พัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัย เหมาะสมกับภารกิจ

เป้าประสงค์

1. มีโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานและเกิดความสะดวกแก่ประชาชน
2. นักเรียนและเยาวชนทุกศาสนามีคุณธรรมและจริยธรรม
3. ประชาชนมีสุขภาพดี
4. ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการและผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
5. โรงเรียนทุกโรง (5 โรง) จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐาน สมศ.
6. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง
7. ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาตำบล
8. ทรัพยากรธรรมชาติได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟู
9. นักท่องเที่ยวมีความประทับใจ
10. ประชาชนในท้องถิ่นมีการรวมกลุ่มในการประกอบอาชีพ
11. มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพียงพอแก่การบริหารจัดการองค์กร”